ผู้ตรวจสอบอาคาร
รู้รอบเรื่อง
“การตรวจสอบอาคาร”
กองควบคุมอาคาร สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร
ประเภทของอาคารที่ต้องตรวจสอบ
การตรวจสอบอาคารเปรียบเสมือนการตรวจสุขภาพร่างกาย ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการตรวจประจำอย่างสมบูรณ์แบบทุกปี หรือ 2 ปีครั้ง แม้ไม่เกิดปัญหาขึ้น แต่การมีการตรวจอาคารที่สำคัญก็จะช่วยให้สามารถค้นพบปัญหาก่อนที่อาคารจะเกิดความเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมได้อีก
อาคารที่มีการตัดสินใจว่าจะต้องได้รับการตรวจสอบจะเป็นอาคารที่มีขนาดและคุณลักษณะที่สำคัญ ที่สามารถส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและสุขภาพของผู้อยู่อาศัยหรือผู้ที่ใช้บริการ
ปัจจุบันมีอาคาร 9 ประเภทที่ต้องจัดให้มีการตรวจสอบตามกฎหมายได้แก่:
1. อาคารสูง
หมายถึง อาคารที่บุคคลอาจเข้าอยู่หรือใช้สอยได้โดยมีความสูงตั้งแต่ 23 เมตร ขึ้นไป การวัดความสูงอาคารวัดจากระดับพื้นดินที่ก่อสร้างถึงพื้นดาดฟ้าสำหรับอาคารทรงจั่วหรือปั้นหยาให้วัดจากระดับพื้นดินที่ก่อสร้างถึงยอดผนั่งของชั้นสูงสุด
2. อาคารขนาดใหญ่พิเศษ
หมายถึง อาคารที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้พื้นที่อาคารหรือส่วนใดของอาคารเป็นที่อยู่อาศัยหรือประกอบกิจการประเภทเดียวหรือหลายประเภท โดยพื้นที่รวมกันทั้งหมดในลักษณะเดียวกันตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป
3. อาคารชุมนุมคน
หมายถึง อาคารหรือส่วนใดของอาคารที่บุคคล อาจเข้ามาใช้ภายในเพื่อประโยชน์ในการชุมนุมคนที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 1,000 ตารางเมตรขึ้นไป หรืออาจชุมนุมคนได้ตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป
4. โรงมหรสพ
หมายถึง อาคารหรือส่วนใดของอาคารที่ใช้เป็นที่สำหรับฉายภาพยนตร์ แสดงละคร แสดงดนตรี หรือการแสดงรื่นเริงอื่นใด และมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดให้สาธาณชนเข้าชมการแสดงนั้นเป็นปกติ โดยจะมีค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม
5. โรงแรม
ตามกฎหมายว่า ด้วยโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไปต่ออาคา
6. อาคารชุด
ตามกฎหมายว่า ด้วยอาคารชุดหรืออาคารอยู่ร่วมหมู่หลายตึก อาคารอยู่อาศัยรวมหมายถึง อาคารหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคารที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับหลายครอบครัว โดยแบ่งออกเป็นหน่วยแยกจากกันสำหรับแต่ละครอบครัว มีพื้นที่อาคารรวมตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไปต่ออาคาร
7. อาคารโรงงาน
ตามกฎหมายว่า ด้วยโรงงานที่มีความสูงมากกว่า 1 ชั้น และมีพื้นที่ตั้งแต่ 5,000 ตารางเมตรขึ้นไป
8. ป้าย
หมายถึง ป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดตั้งป้ายที่สูงจากพื้นดินตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป หรือป้ายที่ติดตั้งบนหลังคาหรือดาดฟ้าของอาคาร หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 25 ตารางเมตรขึ้นไป
9. สถานบริการ
ตามกฎหมายว่า ด้วยสถานบริการที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 200 ตารางเมตรขึ้นไป
การตรวจสอบระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย
ผู้ตรวจสอบจะดำเนินการตรวจสอบระบบความปลอดภัยด้านอัคคีภัย ดังนี้
บันไดหนีไฟ ทางหนีไฟ เครื่องหมาย และไฟป้ายบอกทางฉุกเฉิน ผู้ตรวจสอบจะดำเนินการตรวจสอบครอบคลุมอย่างน้อย ดังนี้
- ตรวจสอบภาพราวจับและราวกันตก
- ตรวจสอบความส่องสว่างของแสงไฟบนเส้นทาง
- ตรวจสอบอุปสรรคสิ่งกีดขวางตลอดเส้นทางจนถึงเส้นทางออกสู่ภายนอกอาคาร
- ตรวจสอบการปิด-เปิดประตู ตลอดเส้นทาง
- ตรวจสอบป้ายเครื่องหมายสัญลักษณ์
ขั้นตอนการตรวจสอบอาคาร
- จัดหาผู้ตรวจสอบอาคารมาตรวจสอบอาคาร โดยต้องเป็นผู้ตรวจสอบอาคารที่ขึ่นทะเบียนกับกรมโยธาธิการและผังเมือง
- จัดทำหรือหาแบบแปลน เพื่อใช้ในการตรวจสอบอาคาร โดยแปลนพื้นที่ทุกชั้นต้องแสดงตำแหน่งของอุปกรณ์ ทางเดินไฟ และบันไดหนีไฟ
- ผู้ตรวจสอบจะทำการตรวจแบบและเอกสารที่เกี่ยวข้อง อาทิ รายงานการตรวจบำรุงรักษาอาคารและอุปกรณ์ประกอบของอาคารที่ผ่านมา จากนั้นจึงเข้าไปตรวจสอบอาคารตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
- ผู้ตรวจสอบอาคารจัดทำรายงานผลการตรวจสอบอาคารและอุปกรณ์ประจำอาคาร ที่ได้ตรวจสอบให้กับเจ้าของอาคาร หากผู้ตรวจสอบอาคารไม่สามารถสรุปผลการตรวจสอบในส่วนใดส่วนหนึ่งได้ จะต้องจัดหาผู้ประกอบวิชาชีพเฉพาะสาขามาตรวจสอบเพิ่ม
- รับรองงานผลการตรวจสอบ หากผู้ตรวจสอบอาคารประเมินแล้วว่าผลการตรวจสอบมีความปลอดภัย ผ่านมาตรฐานที่กำหนด เจ้าของอาคารสามารถดำเนินการต่อได้ แต่หากว่าอาคารดังกล่าวไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ผู้ตรวจสอบจะแจ้งให้เจ้าของอาคารหรือผู้ดูแลอาคารแก้ไขปรับปรุ่งตามรายการ
- เจ้าของอาคารจัดส่งรายงานผลการตรวจสอบให้กับนักการโยธาพิจารณา
- เจ้าหน้าที่จะพิจารณาผลการตรวจสอบรายงานผลการตรวจสอบ ภายใน 30 วัน เมื่อเห็นว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์และมีความปลอดภัย จะออกใบรับรองการตรวจสอบอาคาร (แบบ ร.1) ภายใน 30 วัน หลังจากที่การพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว
ถ้าฝ่าฝืนกฎหมายจะเกิดอะไรขึ้น
หากมีการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน งานหรือเคลื่อนย้ายอาคารโดยฝ่าฝืนกฎหมายควบคุมอาคาร เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะดำเนินการดังนี้
- ออกคำสั่งให้เจ้าของ ผู้ครอบครองอาคาร หรือผู้ควบคุมงานให้ระงับการกระทำดังกล่าว
- ออกคำสั่งห้ามมิให้บุคคลใดใช้หรือเข้าไปในส่วนใดของอาคารที่มีการกระทำฝ่าฝืน
เมื่อดำเนินการตามข้อ 1 และข้อ 2 แล้ว เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะพิจารณาว่าการกระทำการดังกล่าวสามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้หรือไม่
- ถ้าสามารถแก้ไขได้ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารหรือผู้ครอบครองอาคารแก้ไขให้ถูกต้อง
- ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะดำเนินการให้รื้อถอนอาคารนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนได้
การดำเนินการที่กล่าวมาข้างต้น เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะแจ้งความเพื่อดำเนินคดีอาญาด้วย
